1. อ่ านหนังสือเป็นประจำ
88% ของคนรวย อ่ า นหนังสืออย่ างน้อย 30 นาทีทุกวัน
และเป็นการอ่ า นเพิ่มความรู้เพื่อเอาไปใช้ต่อยอด ไม่ได้อ่ า นหนังสือบันเทิง
2. ออกกำลังกายเป็นประจำ
76% ของคนรวย ออกกำลังกายอย่ างน้อย 30 นาทีทุกวัน เพราะเขารู้
ว่าการออกกำลังกายไม่ได้ดีต่อสุ ข ภ า พ ร่ า ง ก า ย เท่านั้น
แต่ยังช่วยให้ส ม อ ง ตื่นตัวอีกด้วย
3. มีมารย าทดี ทำตัวเหมาะสม
คนรวยรู้ว่าในโอกาสไหนควรทำอะไร เช่น ส่งจดหมายขอบคุณ
เมื่อได้รับความช่วยเหลือกล่าวแสดงความยินดีเมื่อเพื่อนประสบความสำเร็จ
ร่วมโต๊ะอ า ห า ร อย่ างสำรวม และแต่งตัวเหมาะสมไม่น้อยไม่มากเกิน
(อะไรที่เกินพอดี คือ ไม่ดี) ส่วนหนึ่งก็เพื่อรั ก ษ า ความสัมพันธ์ แต่ส่วนหนึ่ง
ก็เพราะเขารู้จักใจเขาใจเรา รู้ว่า… “We are all humans” คือทุกคนมีชีวิตจิตใจ
ต้องการกัลย าณมิตรและการจะให้คนอื่นรู้ว่า… เราคือกัลย าณมิตร
คือต้องแสดงออก ไม่ใช่แค่คิดในใจ ลองคิดดูว่ามีคนแสดงให้เรารู้ ว่า…
(เขารู้สึกดีกับเรา ขอบคุณเรา ชื่นชมเรา) เราก็คงยินดีเช่นกัน แต่ถ้าทุกคน
คิดดีกับเราหมด แต่ไม่เคยบอก ไม่เคยแสดงออกเราจะไม่รู้แต่แรกเลยด้วยซ้ำ
ว่าเรามีคนแบบนี้อยู่รอบตัว
4. ชอบฟังเสียงสะท้อนจากผู้คน
แม้แต่คนที่รวยแล้ว ก็ไม่ได้คิดถูก ทำถูกทุกเรื่องทุกครั้ง และเขารู้ว่าถ้าไม่เปิดใจ
รับฟังความเห็นก็ไม่มีทางรู้ตัว (ได้อย่ างทันท่วงที) ว่าอะไรกำลังผิดทาง
อะไรที่คนไม่ชอบเขาจึงแสวงหาความเห็นจากคนรอบข้าง ทั้งเพื่อนคู่ค้าและลูกค้า
แล้วถ้าฟังแล้วมีเหตุผลจริงก็ยอมรับ พร้อมกับเอามาปรับปรุงให้การงานต่างๆ
กลับเข้าเส้นทางที่ถูกต้อง ส่วนคนที่กลัวความเห็นจากคนอื่น ก็เ สี่ ย ง มาก
ที่จะล้มทั้งยืน เพราะไม่รู้ตัว/รู้ช้า ว่ากำลังเดินลงเหว (และส่วนใหญ่ก็จะเดินลงเหว)
คนรวยก็สามารถหลงเดินไปเส้นทางที่พาไปลงเหวได้เช่นกัน
แต่เค้ารับฟังเสียงเตือน ว่านั่นน่ะผิดทาง(อย่ างที่บอกไว้แต่แรก ว่าคนรวยสร้างเอง)
ก็เกิดมาเป็นคนธรรมดา แต่ด้วยทัศนคติที่ใช่ และการกระทำที่ใช่ ผ่านการต่อสู้
ฝ่ าฟั น และปรับตัวคนธรรมดาก็รวยได้ สำเร็จได้ด้วยตัวเอง และถ้าเราเชื่อว่า
ทัศนคติที่ใช่นั้น “สร้างได้” ไม่ต้องลุ้นให้มีติดตัวมาแต่เกิดแบบพรสวรรค์
เราก็สามารถสร้างทัศนคติที่ใช่ของเราเองได้เช่นกัน
5. แสวงหาที่ปรึกษาของชีวิต
ที่ปรึกษาไม่จำเป็นต้องอายุมากกว่า แต่สามารถเป็นเพื่อนที่มีประสบการณ์ในบางด้าน
มากกว่าเคยทำบางอย่ างสำเร็จมาก่อนและที่ปรึกษาไม่ได้ช่วยพัฒนาชีวิตคนรวย
เฉพาะด้านธุรกิจหรือการเงินเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ชีวิตส่วนตัวมีความสุข
ผ่านพ้นปัญหาหลายรูปแบบที่ย ากๆ ได้ คือคนรวยจะไม่คิดเองทำเองด้วยตัวคนเดียว
แต่ยินดีให้คนมาช่วยคิด ช่วยแนะนำสิ่งดีๆ อยู่เสมอ
6. คิดบวก
ผู้ทำการศึกษาเรื่องนี้ย้ำว่า การคิดบวกเป็นสุดยอดปัจจัยสู่ความสำเร็จของคนรวย
สร้างเอง “ทุกคน” ซึ่งปัญหาของคนส่วนใหญ่คือไม่ค่อยสำรวจจิตใจตัวเอง
ว่าเป็นคนคิดลบหรือคิดบวก ซึ่งคนรวยจะมีความรู้สึกตัวตนอยู่เสมอ
ว่าจะไม่ปล่อยให้ตัวเองตกลงไปในหลุมของการคิดลบ
7. มีแหล่งรายได้หลายทาง
65% ของคนรวย (ในกลุ่มที่ทำการศึกษา) ไม่ได้มีรายได้จากแหล่งเดียว
แต่มีจาก 3 ช่องทางเป็นอย่ างน้อย อย่ างเช่น บ้านหรือคอนโดให้เช่า กำไร
และเงินปันผลจากหุ้นและการร่วมหุ้นทำธุรกิจ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเริ่มจากสิ่งใหญ่โต
ใช้เงินมากเกินตัว แต่สามารถค่อย ๆ ริเริ่มลองทำและต่อยอดขยับขย ายไปเรื่อยๆ
8. ไม่เห่อตามกระแ สมหาชน
แต่คนรวยจะสร้างกระแสของตัวเองขึ้นมา และชักชวนคนรอบข้างให้เดินตาม
9. ยินดีช่วยคนอื่นให้สำเร็จไปด้วย
ซึ่งคนรวยสร้างเอง ก็จะรู้จักเลือกช่วยเช่นกัน ซึ่งไม่ใช่แบบเล่นพร ร คเล่นพวกล้วนๆ
ไม่ใช่เห็นแก่ตัวขั้นรุ น แ ร ง แต่เพราะเขารู้ว่า… ไม่สามารถช่วยทุกคนทุกเวลาได้
เพราะแบบนั้น ก็จะไม่มีเวลาไปช่วย คนที่มีศักยภ าพมากพอที่จะประสบความสำเร็จ
ผลงานโดยรวมก็จะออกมากลาง ๆ หรือต่ำ. เพราะถ้าช่วยเหมาเข่ง
คนเก่งก็จะได้รับเวลา/ทรัพย ากรไม่มากพอ ส่วนคนที่กลางๆ เบๆ
ต่อให้ช่วยมากเท่าไร เขาก็ไปได้แค่นั้น
10. เข้าสังคมกับคนแบบเดียวกัน
ซึ่งคนแบบเดียวกัน หมายถึง คนที่มีเป้าหมาย มองโลกด้านบวก มีความกระตือรือร้น
จะว่าพวกเขาเลือกคบก็ได้ แต่เพราะพวกเขารู้ว่าเวลามีจำกัด จะคบทุกคนทุกเวลาไม่ได้
แถมการคบคนที่คิดลบ ช่างนินทาแต่ไม่ลงมือทำก็กลับจะยิ่งบั่นทอนกำลังใจ
และหากเราอย ากจะอยู่ในสังคมคนรวยสร้างเองจริงๆ เราไม่จำเป็นต้องรวยก่อนก็ได้
แค่เราต้องมีพื้นฐานทัศนติด้านบวก มีแนวคิดก้าวหน้า และมีความรู้จริง แบบนี้ใครๆ
ก็อย ากคุยด้วย อย ากทำธุรกิจด้วย
11. พุ่งชนเป้าหมาย
คนที่มีเป้าหมาย และมุ่งหน้าเดินสู่เป้าหมายอย่ างไม่ท้อ ล้มแล้วก็ลุก ต่อให้เดินไปได้
ก้าวสองก้าวแล้วล้ม ก็ลุกมาเดินต่อ สุดท้ายจะก็ไปถึงเป้าหมายได้
และคนรวยสร้างเอง จะตั้งเป้าหมายส่วนตัวไม่เอาชีวิตของคนอื่น
มาลอกเป็นเป้าหมายของเขา
12. ให้เวลากับตัวเองในการคิดใคร่ครวญ
คนรวยสร้างเอง จะใช้ส ม อ ง คิดใคร่ครวญการงานต่างๆ เงียบๆ คนเดียว อย่ างน้อย
15 นาทีทุกวัน ซึ่งเรื่องที่คิดไม่จำเป็นต้องเกี่ยวกับเงินทองธุรกิจล้วนๆ แต่เขายังคิด
เรื่องการวางแผนชีวิตโดยรวม และการดูแลสุ ข ภ า พ เช่นกัน