สิ่งที่คุณว่ามันยากหรือคุณยังไม่เคยได้ลอง เก็บเงินล้านแรกกับ 4 วิธีแนวคิดนี้

“การหาเงินล้านแรก” สำหรับบางคน อาจเป็นคำพูดที่ฟังดูเหมือนการหมกมุ่นกับเงิน

หรือความรวยเพียงเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วเป้าหมายหาเงินล้านแรกมีความหมายที่ลึกซึ้งกว่านั้น

เพราะเป้าหมายนี้สำหรับหลายๆ คน ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้พลังใจทั้งความเพียร

และความมุ่งมั่นอย่างมาก นอกจากนี้ ระหว่างทางไปสู่จุดหมายก็จะช่วยขัดเกลา

กรอบนิสัยให้เรามีวินัยทางการเงินที่แข็งแรง และ “รวย” อย่างมั่นคง

1. ลงทุนกับการศึกษาและพัฒนาตนเอง

สิ่งที่เป็นพื้นฐานก่อนที่จะออกไปหารายได้ให้มากขึ้น คุณควรเพิ่มพูนความรู้

และลงทุนกับการพัฒนาตัวเองก่อนซึ่งเปรียบเสมือนการเตรียมตัวให้พร้อม

ก่อนออกเดินทางความรู้แรกที่ควรมี คือ ความรู้ด้านการเงิน

เพราะความรู้เรื่องเงินคือปัจจัยพื้นฐานที่จะทำให้คุณสร้างเงินล้านแรกขึ้นมาได้

คุณควรเริ่มจากการใส่ใจการใช้จ่าย ศึกษาวิธีบริหาร และการลงทุนหาความรู้

จากแหล่งต่างๆ เช่น อ่านหนังสือหรือบทความในอินเทอร์เน็ต

พูดคุยกับคนที่มีความรู้ ดูรายการด้านการเงิน หรือกระทั่ง

ลงเรียนคอร์สการเงินต่างๆ เป็นต้น

2. สร้างเครือข่าย (Connection) ที่มีคุณภาพ

ปัจจัยข้อสำคัญที่จะทำให้คนคนหนึ่งหรือธุรกิจธุรกิจหนึ่งเติบโตขึ้น

ได้อย่างรวดเร็วนอกจากความ “เก๋า” หรือ “กึ๋น” ของเจ้าตัวแล้ว

ก็มาจาก Connection ที่กว้างและแข็งแรง เพราะการจะเติบโตได้

จำเป็นต้องอาศัยความช่วยเหลือจากผู้อื่น กระทั่งการเรียนรู้งานจากผู้อื่นเอง

ก็สำคัญเช่นกัน การมี Connection นั้น หลายคนอาจมองว่าหมายถึง

“การเล่นเส้น” ซึ่งมีความหมายค่อนข้างแย่ แต่จริงๆ การสร้างเครือข่ายที่ดี มีคุณภาพ

หมายถึง การที่เราร่วมแรงร่วมใจ ผลักดัน สนับสนุนกัน หรือการสร้างชุมชน

ที่เราจะร่วมแบ่งปันความรู้และความฝัน เมื่อเส้นทางใดที่มีเพื่อนร่วมเดิน

เรามักจะไปได้ไกลกว่าการเดินเพียงลำพัง นอกจากนี้ การนำตัวเองไปอยู่

ในสังคมที่แวดล้อมด้วยคนที่มีแนวคิดการเงินและการทำงานที่ดี…

จะช่วยปรับทัศนคติ (Attitude) และแนวคิด (Mindset)

ของเราให้ดีหรือเอื้อต่อความสำเร็จยิ่งขึ้นด้วย

3. เก็บออมสินทรัพย์

ในอดีต หากอยากรวย เรามักถูกสอนมาว่า ต้องเก็บออมเงินให้มากๆ

แต่สำหรับปัจจุบัน การ “ฝังเงินลงดิน” หรือเก็บเงินไว้เฉยๆ นั้นหมายถึง

การปล่อยให้เงินเสื่อมมูลค่าลง จากภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวน

ตลอดเวลาหรือเงินเฟ้อการเก็บออมในยุคนี้ ควรเป็นการสะสมสินทรัพย์

เพราะสินทรัพย์หมายถึงสิ่งที่มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นได้ โดยสิ่งที่เราจะเก็บออม

สินทรัพย์นั้น จริงๆ แล้ว คือ การเปลี่ยนเงินเป็นสินทรัพย์ประเภทต่างๆ

ซึ่งจะยังคงมูลค่าหรือเพิ่มมูลค่าจากเงินตั้งต้น เช่น เงินฝาก หุ้น กองทุน บ้าน ทองคำ

หรือสิ่งของอื่นๆ ที่มูลค่าจะเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา เป็นต้น

4. เป็นเจ้าของระบบที่สร้างเงินได้ด้วยตัวเอง

R ober t T. K i yosaki ผู้เขียนหนังสือด้านการเงินชื่อดังอย่าง “R i c h D a d & P o o r D a d”

และเจ้าของผลงาน Best seller อีกหลายเล่ม ได้เขียนถึงวิธีการหาเงินไว้ในหนังสือ

“C a s h f l o w Q u a d r a n t” หรือที่รู้จักกัน คือ “เงิน 4 ด้าน” โดยวิธีการหาเงินนั้น

มีอยู่ 4 วิธี ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่

-ไม่ทำงานก็ไม่มีเงิน ได้แก่.. คนที่เป็นลูกจ้าง และคนที่เป็นนายจ้างตัวเอง

-ไม่ทำงานก็ยังมีเงิน ได้แก่.. คนที่เป็นเจ้าของระบบหรือกิจการที่ดำเนินไปได้เอง และนักลงทุน

แน่นอนว่าวิธีที่จะหาเงินล้านได้ง่ายกว่า… คือ วิธีหาเงินในกลุ่มที่ 2 ซึ่งในหัวข้อนี้พูดถึง

การเป็นเจ้าของกิจการหรือสร้างระบบให้งานขับเคลื่อนได้ด้วยตนเอง หรือ Business Owner

การเป็นเจ้าของกิจการ คือ การทำงานเพื่อตัวเอง และจ้างผู้อื่นมาทำงานให้เรา

เป็นวิธีหาเงินล้านที่จำเป็นต้องลงแรงหนักเพียงช่วงก่อตั้ง

ตั้งแต่การคิดโมเดลธุรกิจ การหาแนวทางให้กิจการเป็นที่รู้จัก และ “ขาย” ได้

รวมถึงการวางระบบการทำงานต่างๆ และการคัดสรรพนักงาน (Employee)

เพื่อมาทำงานตามระบบที่วางไว้ และเมื่อระบบกิจการของคุณแข็งแรงดี

มันก็จะขับเคลื่อนไปได้ด้วยตัวของมันเอง เหมือนการผลักเฟืองหอนาฬิกาเพียงครั้งเดียว

แม้อาจต้องใช้พละกำลังมาก แต่ผลที่ได้คือนาฬิกาที่หมุนได้เป็นเดือนหรือนานเป็นปี

นอกจากนี้ ในปัจจุบันเป็นยุคของ Startup เป็นยุคของ “The Ordinary” หรือ “คนธรรมดา”

ที่ลุกขึ้นมาสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ที่มีอิทธิพลต่อโลก โดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย

สร้างระบบและให้ระบบหรือคอมพิวเตอร์เป็นฟันเฟืองที่ทำงานแทนมนุษย์

ทำให้ต้นทุนที่เป็นตัวเงินต่ำมากๆ แต่อาจเติบโตได้มากกว่า 100 เท่า

เช่น ธุรกิจที่เป็นสื่อกลางระหว่างลูกค้าและผู้รับจ้าง ธุรกิจเกี่ยวกับการให้ข้อมูล

ธุรกิจทำบัญชีแบบ out source ฯลฯ

 

Load More Related Articles
Load More By babyghost34
Load More In ข้อคิดเสริมกำลังใจ
Comments are closed.

Check Also

แบบนี้ไม่ได้เรียกว่าความรักหรอก..ถ้ามีรักแล้วไม่ใส่ใจ..อย่ าเสียเวลา

มีรักแล้วไม่ใส่ใจ มันไม่ได้เรียกว่าความรักหรอก รัก คือส … …