10 สิ่งถ้าคุณเปลี่ยนได้ คุณเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว ไม่ใช่โตแค่อายุมากกว่า

1 : ดูดีจากภายในสู่ภายนอก

แน่นอนว่าไม่มีใครบนโลกใบนี้ที่มีร่างกายที่เพอร์เฟ็กต์ แม้บ้านเราจะมีวิทย าการเข้ามาช่วยในเรื่องนี้มากมายแต่ก็ยังมีความกังวลในเรื่องความปลอดภัยและผลกระทบอื่น ๆ อยู่บ้าง ดังนั้น ผู้ชายทุกคนจะพบว่าร่างกายตัวเองเปลี่ยนไปตามกาลเวลาซึ่งเป็นสัจธรรมของชีวิตและตามกาลเวลานั่นเอง และสิ่งที่เราอย ากบอกคุณผู้ชายทั้งหลายนั่นก็คือการดูแลตัวเองจากภายในสู่ภายนอกด้วยการ

มีจิ ตใจที่แจ่มใส ร่าเริง มีความสุขหรือที่เรียกว่าหล่อจากภายในนั่นเอง รวมทั้งการดูแลตัวเองภายนอกด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ตามหลักโภชนาการตามแต่ละช่วงวัยของหนุ่ม ๆโดยให้ไปเป็นตามหลักธรรมชาติและการดูแลตัวเองตามหลักธรรมชาติเช่นกัน ถ้าคุณโตเป็นผู้ใหญ่พอ … คุณจะรู้ว่าวิธีไหนคือวิธีที่จะรักษาสุขภาพกายและใจของคุณอย่ างยั่งยืนและดีที่สุด!

2 : ดริ๊งอย่ างเหมาะสม

นาน ๆ ทีจะได้สนุกสนานลิ้มรสกับค็อกเทล การดื่มแอกอฮอล์ในปริมาณที่พอดีจะส่งผลดีต่อสุขภาพของหนุ่ม ๆ แต่ที่ปัญหามันเกิดเพราะหนุ่ม ๆ ส่วนใหญ่ไม่เข้าใจการดื่ม “พอเหมาะพอควร” นั่นเอง เวลาคุณไปบาร์ลองสังเกตุแต่ละห้องแต่ละโต๊ะ คุณจะสามารถแยกเด็กหนุ่มกับผู้ใหญ่ออกจากกันได้เลย (หมายถึงการวางตัว หรือวุฒิภาวะของผู้ชายแต่ละคน) ผู้ชายที่โตแล้วมักจะไปสนุกสนานกับเพื่อน ครอบครัว หรือคนอื่น ๆ ที่เขาสนิท และมีการดื่มเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยที่เขาสามารถดูแลและควบคุมตัวเองได้อย่ างดี และยังโชว์ความเป็นผู้ชายที่น่าเคารพได้อีกด้วย เรื่องแบบนี้เขาไม่ได้ดูที่อายุกันนะ แต่ดูที่การแสดงออกด้วยการวางตัวอย่ างเหมาะสม

3 : โตแล้ว … ต้องเก็บอารมณ์เป็น!

หนุ่ม ๆ ต้องเรียนรู้การแสดงอารมณ์อย่ างถูกวิธี เราเชื่อว่าหลายคนสามารถแสดงออกอย่ างสร้างสรรค์และมีกลยุทธ์ได้ดีแต่ก็น้อยคนที่จะทำได้เช่นกัน หนุ่มเจ้าโทสะบางคนถ้ามีอะไรขัดใจปุ๊ป โอ้วววว ทั้งเหวี่ยง ทั้งวีน โวยวายบ้านแทบแตก ข้าวของแทบพัง หรือจะเป็นหนุ่มสุดดราม่า เสียใจ ผิดหวัง อกหั ก เฮิร์ท ตกงาน บลา ๆก็ร้องไห้เป็นเต่าเผา และอีกหลายอาการของหนุ่ม ๆ ที่แสดงออกว่าคุณยังเป็นเด็กอยู่นั่นเอง ดังนั้น ถ้าคุณอย ากโตเป็นผู้ใหญ่นั้น เลิกซะ! พฤติกรร มเหล่านี้ เพราะคนที่โตแล้วเขาจะมีวุฒิภาวะการแสดงออกทางอารมณ์ที่เหมาะสมกับสถานการณ์และกับบุคคลต่าง ๆ

เช่น คุณอาจจะแสดงความเศร้าโศกเสียใจกับเพื่อนสนิทของคุณได้ หรือต้องเก็บอารมณ์โกรธเมื่อโดนขัดใจในที่สาธารณะ ไม่เช่นนั้นคุณก็ยังไม่ก้าวผ่านจากความเป็นเด็กเสียที จงเรียนรู้วิธีแสดงออกอย่ างเหมาะสม!

 

4 : อย่ ากังวลกับอายุยังไงก็ต้องมาถึง

ผู้ชายทุกคนล้วนโตตามวัย แต่ไม่ใช่ทุกคนที่โต (เป็นผู้ใหญ่) ผู้ชายบางคนพย าย ามที่จะรักษาความเป็นหนุ่มไว้ตลอดไป ซึ่งพฤติกรร มเหล่านี้เราสังเกตได้จาก ท่าทาง คำพูด และการแต่งกาย และสิ่งที่พวกเขากำลังพย าย ามทำอยู่ก็คือการทำทุกอย่ างเพื่อจะหยุดยั้งอายุที่มากขึ้นของพวกเขาแต่การทำแบบนี้ไม่ได้จะทำให้เขามีอายุยืนตลอดไปไม่ว่าจะวิธีทางวิทย าศาสตร์หรือใด ๆ ก็ตามลองมองในความเป็นจริงกันไม่มีอะไรผิดหรอกที่คนเราจะอายุมากขึ้นตามวัยของเรา ผู้ชายบางคนยิ่งอายุมาก ยิ่งดูดี ยิ่งหล่อ

ยิ่งเท่ห์ด้วยซ้ำ ดังนั้น คุณผู้ชายทั้งหลายควรแสดงออกตามช่วงวัยที่เหมาะสมยิ่งเราโตมากขึ้นการอยู่กับกฎข้อบังคับและการควบคุมต่าง ๆ จะน้อยลงกว่าตอนเป็นเด็กหรือช่วงวัยรุ่น ทำให้เราสามารถทำอะไรได้ง่ายขึ้นด้วยความที่โตแล้ว ต่างจากตอนช่วงเด็ก ๆ ดังนั้น แมนตัวจริงต้องแสดงออกอย่ างเหมาะสมกับอายุของตัวเองและใช้ชีวิตเหมือนทุกวันเป็นวันสุดท้ายของชีวิต อย่ าไปกลัวความแก่หรือต้องจากไป แต่ให้คิดว่าเราได้ใช้ชีวิตคุ้มรึยัง

5 : การให้เกียรติคนรักและคนรอบตัว

ในช่วงวัยรุ่น เป็นธรรมดา ๆ ที่หนุ่ม ๆ จะใช้เวลาส่วนใหญ่ในการตามจีบสาว ๆ ในช่วงห้วงเวลานั้น ผู้ชายต่างตระหนักถึงความสำคัญในการใช้เวลาดูแลใส่ใจหวาน ด้วยความเสมอต้นเสมอปลายตามที่พวกเธอคาดหวังไว้ แต่สำหรับหนุ่มบางคนนั้นไม่เคยตระหนักถึงความสำคัญข้อนี้เลย พวกเขาละเลยการดูแลคนรักอีกทั้งยังคงสนุกกับการตามจีบสาว ๆคนอื่นอีก ดังนั้น ลูกผู้ชายตัวจริง (หรือหนุ่มที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว) เขาจะไม่สนใจกับการมีรักซ้อน หรือการจีบสาวคนอื่น ๆ เพื่อทำให้ตัวเองดูเท่ห์หรือมีเสน่ห์ เพราะไม่ใช่วิธีของหนุ่ม ๆ (ที่โตแล้ว) เขาจะใช้เวลาคิดถึงอนาคตการใช้ชีวิตร่วมกันกับหวานใจเท่านั้น โดยการตระหนักถึงกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่ความสุขของชีวิตของทั้งคู่ต่างหาก รวมทั้งการดูแลหวานใจอย่ างสม่ำเสมอและอยู่เคียงข้างกันตลอด

6 : เปิดกว้างในการสนทนา รับฟัง

ศิลปะการพูดหรือการสนทนานั้นไม่ใช่เรื่องอย ากที่คนทั่วไปคิด ผู้ชายทั่ว ๆ ไปสามารถพูดคุยได้เฉพาะเรื่องที่เขาสนใจเป็นพิเศษเท่านั้นหากเป็นเรื่องอื่นก็แทบจะไม่สนใจหรือปิดการสนทนาแบบเนียน ๆ เลยก็ว่าได้ แต่หนุ่ม ๆ ที่โตแล้วเขาจะเรียนรู้การรักษาบทสนทนาให้เป็นไปอย่ างราบรื่นและสนุกทั้งวงสนทนาแม้ว่าคุณจะไม่ได้ชื่นชอบในเรื่องที่กำลังคุยอยู่อย่ างเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องโบกมือลาคู่สนทนาหรือนั่งเงียบ ๆ เพียงแค่คุณเปิดใจกว้างรับฟัง

และปล่อยให้บทสนทนาเป็นไปอย่ างธรรมชาติแม้ว่าคุณจะไม่ได้มีความรู้ประดุจนักปราชญ์หรืออัจฉริยะที่จะรู้ไปทุกเรื่องบนโลกใบนี้แต่คุณก็สามารถแสดงความสนใจและเอ็นจอยไปกับมันได้ คุณสามารถถามเพื่อช่วยให้เข้าใจเรื่องนั้น ๆ ได้ดีขึ้นและเป็นการแสดงความสนใจในเรื่องดังกล่าว รวมทั้งช่วยเพิ่มพูนความรู้ให้กับตัวคุณด้วย และที่สำคัญมันยังทำให้บทสนทนาไปต่อได้อย่ างราบรื่นและไม่น่าเบื่อ นี่ละที่ผู้ใหญ่มือโปรเขาทำกัน!

 

7 : โบกมือลากับสิ่งรอบตัวที่แย่

ในช่วงวัยเด็กจนถึงวัยรุ่น หนุ่ม ๆ ทุกคนก็จะได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันไป ได้รู้จักผู้คนมากมายในชีวิตทั้งแต่เด็กจนโต ซึ่งทุกคนต้องแยกออกอย่ างแน่นอนว่าสิ่งไหนคือสิ่งแวดล้อมที่ดีหรือไม่ดี รวมทั้งบุคคลใดที่คุณควรคบอยู่ในระดับไหน ควรสนิทคบหาแค่ไหน หรือแม้แต้เพื่อนบางคนที่ควรห่างหรือเลิกคบเพราะไม่เช่นนั้นพวกเขาอาจจะฉุดคุณลงเหว!แต่เราก็เข้าใจว่าการเลิกคบเพื่อนที่คบมานานแสนนานไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแต่คุณอย่ าลืมว่าเพื่อนที่ดีต้องไม่ฉุดให้คงไม่ก้าวหน้าและชีวิตคุณต้องเดินต่อไปข้างหน้าเพื่ออนาคตที่ดีดังนั้นการหลีกเลี่ยงหรือโบกมือลาสิ่งที่ทำให้คุณไม่พัฒนาหรือดูแย่ลงเรื่อย ๆ จะเป็นการดีที่สุดสำหรับคุณ

8 : บอกลาความเสียใจทั้งหลาย

ขงจื้อกล่าวว่า “ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นมันก็ไม่มีผลอะไร เว้นเสียแต่คุณไปนั่งคิดนั่งจำมันต่อไป” ทุกคนมีความผิดพลาดในชีวิตบ่อยครั้ง ด้วยธรรมชาติของมนุษย์เรามักจะชอบจำในเรื่องความผิดและปล่อยให้มันมาเป็นตัวทำร้ า ยจิ ตใจของเราอยู่ตลอดเวลา จนบางครั้งเป็นเหตุให้ร่างกายแย่ลงจากสุขภาพจิ ตภายในที่แย่ส่งผลต่อสุขภาพกายแล้วคุณคิดว่ามันมีเหตุผลดีงามพระรามแปดอะไรที่จะต้องมานั่งจำเรื่องพวกนี้ไปตลอดชีวิตกันล่ะ

ลองเปลี่ยนเรื่องพวกนี้เป็นบทเรียนเพื่อเป็นแรงผลักดันในชีวิตของคุณจะดีกว่ามั้ย การเก็บเรื่องพวกนี้มาเป็นอารมณ์ไม่ได้ช่วยให้สุขภาพของคุณดีขึ้นเลยนะคนที่โตแล้วจะไม่ปล่อยให้ความผิดพลาดหรือเรื่องในอดีตมาทำให้ความสุขในอนาคตหดหายไปแต่จะเก็บมันมาเป็นบทเรียนเพื่อป้องกันไม่ไห้เกิดความผิดพลาดในอนาคตต่างหากล่ะ

9 : การควบคุมอารมณ์

จากงานวิจัยพบว่า การได้ปลดปล่อยอารมณ์หรือระบายอารมณ์ออกมาบ้าง “เป็นครั้งคราว” อาจจะดีต่อคุณผู้ชาทั้งหลาย เพราะการได้แสดงทางอารมณ์จะช่วยให้สุขภาพจิ ตของหนุ่ม ๆ ดีขึ้น รวมทั้งช่วยทำให้ประสิทธิภาพความแข็งแรงของร่างกายดีขึ้น รวมทั้งช่วยเพิ่มความต้องการทางเพศ และยังช่วยให้การเจรจาต่อรองทางธุรกิจดีขึ้นแต่คุณผู้ชายทั้งหลายมักจะลืมหรือไม่เข้าใจคำว่า “ครั้งคราว , นาน ๆ ที , บางครั้ง” แล้วดันแสดงอาการระบายอารมณ์เต็มที่อย่ าง “บ่อยครั้ง”

แม้มันจะค่อนข้างย ากที่จะปรับอารมณ์และควบคุมอารณ์ของคุณที่ไฟพุ่งให้เย็นลงประดุจน้ำแข็งเพื่อรักษาสถานการณ์ได้ขึ้น แต่มันเป็นหนทางที่ดีที่สุดในการรักษาความสงบในสถานกานนั้น ๆ แต่ที่แน่ ๆ คนที่โตพอเขาจะรู้ว่าเวลาใดที่พวกเขาจะสามารถปล่อยระเบิดได้เต็มที่และเวลาใดไม่ควรทำอย่ างยิ่ง

10 : เพราะรัก…จึงบอก เตือนด้วยความรักความหวังดี

เพราะ ”รัก” จึงบอกว่า “รัก”เรียกว่าสมัยนี้หนุ่ม ๆ ส่วนใหญ่ขยันพูดคำว่ารักอย่ างสิ้นเปลื้องมาก รวมทั้งยิ่งเวลาแอกอฮอล์เข้าร่างกายแล้วนั้น ความใจกล้าบ้าบิ่นเฮฮาปาจิงโกะยิ่งทำให้กล้าพูดเรื่องแบบนี้อย่ างไม่คิดอะไรได้ง่าย ๆ

เรียกว่าแบบไม่เห็นใจคนฟังกันเลยทีเดียวแต่เราขอบอกหนุ่ม ๆ ว่าผู้ชายที่เขาโตกันแล้วเนี่ย เขาจะไม่พูดคำว่ารักพร่ำเพื่อเพราะคนที่โตแล้วจะเรียนรู้จากประสบการณ์และด้วยความเป็นผู้ใหญ่เข้าจะเข้าใจถึงความรักที่แท้จริงว่ามันควรจะเอื้อนเอ่ยเมื่อใด แบบไหน

และกับใครจึงจะเหมาะสม และเขาจะกล่าวคำว่า “รัก” เมื่อเขารู้สึกแบบนั้นกับคน ๆ นั้นจริง ๆ ดังนั้น โตแล้วไม่พูดรักพร่ำเพื่อกันนะ

 

Load More Related Articles
Load More By babyghost34
Load More In ข้อคิดเสริมกำลังใจ
Comments are closed.

Check Also

แบบนี้ไม่ได้เรียกว่าความรักหรอก..ถ้ามีรักแล้วไม่ใส่ใจ..อย่ าเสียเวลา

มีรักแล้วไม่ใส่ใจ มันไม่ได้เรียกว่าความรักหรอก รัก คือส … …