ในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และเกิดการทดแทนได้ตลอดเวลา
แม้แต่มนุษย์เงินเดือนซึ่งต่อจากนี้อาจจะไม่สามารถมั่นใจได้อีกแล้วว่าบริษัท
จะจ้างจนถึงวันเกษียณอายุ สิ่งที่เราควรทำคือวางแผนทางการเงินให้ดี
ทำให้มีรายได้มากกว่ารายจ่าย มีเงินสำรองไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน มีเงินเพียงพอ
สำหรับเป้าหมายต่างๆ ของเรา และพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นกับเรา
1. สำรวจตัวเองก่อนวางแผนทางการเงิน
ก่อนที่เราจะวางแผนทางการเงินเพื่อฐานะที่มั่นคง เราจะต้องสำรวจตนเองก่อน
ว่าเรามีสินทรัพย์เท่าไร มีหนี้สินเท่าไร มีกระแสเงินสดต่อเดือนเท่าไร
สินทรัพย์ที่เรามีนั้นเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มตามกาลเวลาหรือเป็นสินทรัพย์
ที่มีมูลค่าตามกาลเวลา หนี้สินที่เรามีมากกว่าสินทรัพย์หรือไม่ มากเกินกว่ากำลังจ่าย
ของเราหรือเปล่า เมื่อเราสำรวจตัวเองเรียบร้อยแล้ว ผลลัพธ์ที่ควรจะได้
ก็คือ “เงินเหลือเก็บ” ในแต่ละเดือน
2. คำนวณกระแสเงินสดของเรา
เมื่อเราสำรวจตัวเองเพื่อวางแผนทางการเงินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คำแนะนำต่อมา
ก็คือ ลองคำนวณกระแสเงินสดในแต่ละเดือนของเรา กระแสเงินสดที่นำมาคำนวณ
ต้องเป็นตัวเลขที่เกิดจากการนำรายได้หักออกด้วยรายจ่ายทั้งหมด
เป็นกระแสเงินสดเหลือเก็บ ยกตัวอย่างเช่น เรามีเงินเหลือเก็บเดือนละ 5000 บาท
เท่ากับว่าปีหนึ่งๆ เราสามารถเก็บเงินได้อย่างน้อย 6 หมื่นบาทต่อปี
จากนั้นเข้าสู่คำแนะนำที่ 3 กันเลยครับ
3.จดบันทึกค่าใช้จ่ายที่จำเป็น
เมื่อเรารู้ตนเองแล้วว่าเรามีสินทรัพย์เท่าไร มีหนี้สินเท่าไร มีเงินเหลือเก็บอยู่เท่าไร
จากนั้นเราต้องจดบันทึกค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในปัจจุบัน และอนาคตของเราออกมา
เช่น ค่าโปะบ้าน ค่าประกันชีวิต ค่าเทอมลูกในอนาคต ค่าเดินทางท่องเที่ยว เป็นต้น
การจดบันทึกค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นทั้งในปัจจุบัน และอนาคต จะทำให้เราต้องวางแผน
ล่วงหน้าเก็บเงินสะสม เวลาที่ค่าใช้จ่ายเหล่านั้นเกิดขึ้นจริง จะได้ไม่เกิดอาการ “ช็อตเงิน”
หรือหมุนเงินไม่ทันนั่นเองครับ จากนั้นให้เข้าสู่คำแนะนำที่ 4
4. การจำลองแผนการลงทุน
เมื่อเราวิเคราะห์ตนเอง คำนวณกระแสเงินสดที่ควรจะเป็น และวางแผนครอบคลุม
ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นออกมาแล้วเราจะมองเห็น “เงินเหลือเก็บ” ได้อย่างชัดเจน
หน้าที่ของเราต่อจากนี้ก็คือการวางแผนลงทุน ทำเงินเหลือเก็บให้งอกเงยครับ
โดยแผนการลงทุนมีดังต่อไปนี้
-นำเงินไปฝากประจำ ผลตอบแทนที่คาดหวัง 2-3%
-นำเงินไปซื้อพันธบัตรรัฐบาล ผลตอบแทนที่คาดหวัง 3-5%
-นำเงินไปซื้อกองทุนรวม ผลตอบแทนที่คาดหวัง 5-10%
-นำเงินไปลงทุนในหุ้น ผลตอบแทนที่คาดหวัง 10-15%
เมื่อเราลองจำลองผลตอบแทนจากการลงทุนออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ขอให้เข้าสู่คำแนะนำสุดท้ายกันเลยครับ
5.จัดพอร์ตการลงทุนเพื่ออนาคต
จากการจำลองผลตอบแทนจากการลงทุนเราจะพบว่า เราสามารถลงทุน
และรับผลตอบแทนได้ตั้งแต่ 2-15% ต่อปีขึ้นอยู่กับความเสี่ยงที่เรายอมรับได้
หน้าที่ของเราก็คือ การแบ่งเงินเหลือเก็บมาลงทุน โดยการจัดพอร์ตการลงทุนเพื่ออนาคตนั้น
จะขึ้นอยู่กับความเสี่ยงที่เรายอมรับได้ครับ หากเราอายุยังน้อย และรับความเสี่ยงได้สูง
ก็ควรนำเงินไปลงทุนในหุ้นในสัดส่วนที่มากหน่อย แต่ถ้าเรายอมรับความเสี่ยงได้ต่ำ
ก็ควรนำเงินไปฝากประจำ หรือซื้อพันธบัตรที่ให้ผลตอบแทนที่แน่นอน ความเสี่ยงที่ต่ำกว่าครับ
วิธีการที่แน่นอนก็คือ เราต้องมี “วินัย” ในการออม การลงทุนระยะยาว หากเราสามารถลงทุน
และทำผลตอบแทนเฉลี่ยได้ในช่วง 5-10% ต่อปีเราจะสามารถสร้างพอร์ตการลงทุน
ให้เติบโตได้ 1 เท่าตัว ภายในระยะเวลา 5-7 ปีครับ