ความสัมพันธ์เป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน ยิ่งเป็นความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวด้วยแล้วก็ยิ่งต้องดูแลและประคับประคองให้ดี
แต่ถึงแม้ว่าเราจะดูแลความสัมพันธ์ได้ดีแค่ไหน แน่นอนว่าก็ต้องมีบ้างที่บางความคิด
ทำให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวเกิดรอยร้าว เราไปดูกันดีกว่าค่ะว่าความคิดเหล่านั้นจะมีอะไรบ้าง
:: คิดว่าเรื่องเงินคือสิ่งสำคัญที่สุด ::
แน่นอนว่าเงินถือเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต แต่ว่าเงินก็ไม่ใช่ทุกอย่ าง เพราะเงินไม่สามารถซื้อความอบอุ่นหรือความรัก
ระหว่างคนในครอบครัวได้ คงมีไม่น้อยที่พย าย ามทำงานหนัก เพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัวแต่ไม่มีเวลามาอยู่กับลูกหรือคนที่รัก
เพราะคิดว่าสามารถใช้เงินทดแทนเวลาที่หายไปได้ แต่จริงๆ แล้ว “เงิน” ไม่ใช่พ่อแม่หรือสามีภรรย าที่ดีนักหรอก
คนทุกคนล้วนต้องการความเอาใจใส่จากคนที่รักด้วยกันทั้งนั้น
:: คิดว่าตัวเองทำเพื่อครอบครัวอยู่คนเดียว ::
ครอบครัวคือสิ่งที่คนสองคนพย าย ามสร้างขึ้นมาให้กลายเป็นอันหนึ่งอันเดียว เปลี่ยนจากคำว่า “เธอ” และ “ฉัน” เป็นคำว่า “เรา”
ซึ่งจะต้องใช้การร่วมแรงร่วมใจของคนสองคน ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่ง แต่ถ้าหากมีใครคนหนึ่งกำลังเริ่มรู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้น
เป็นการพย าย ามทำเพื่อครอบครัวอยู่ฝ่ายเดียวอาจเป็นเพราะว่าในบางทีเราอาจจะรู้สึกเหนื่อยเกินไปจนมองข้ามว่า
อีกฝ่ายก็กำลังทำหน้าที่ที่แตกต่างเพื่อครอบครัวอยู่เช่นกัน ดังนั้นก็ควรที่จะต้องหันหน้าเข้ามาคุยกันถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
ว่าเป็นเพราะอะไร ต้องคุยกันโดยที่ห้ามใช้อารมณ์ โทษอีกฝ่ายหรือโทษตัวเองเด็ดขา ด เพราะการใช้อารมณ์มีแต่จะทำลายความรู้สึกของกันและกัน
:: คิดว่าคนในครอบครัวคือคนกันเองจะทำยังไงก็ได้ ::
ความเคยชินอาจทำให้เรามองข้ามความสำคัญของคนที่อยู่ข้างๆ ตัวเรา การคิดว่าคนในครอบครัวเป็นคนกันเองแล้ว
เราจะทำตัวไม่น่ารัก พูดจาทำร้ า ยจิตใจ ไม่ใส่ใจไม่สนใจกันอาจเป็นเรื่องที่ทำให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวเกิดความขัดแย้งได้ สงสัยไหมว่า
ทำไมเราถึงถนอมน้ำใจคนอื่น มากกว่าคนในครอบครัว ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้ว คนในครอบครัวหรือคนใกล้ตัว คือคนที่เราต้องให้ความสำคัญ
ใส่ใจในความรู้สึก ถนอมน้ำใจกันให้มากที่สุดแท้ๆ
:: คิดว่าไม่จำเป็นต้องพูดเวลาไม่เข้าใจกัน ::
เวลาที่คนสองคนเข้าใจผิดหรือเข้าใจไม่ตรงกันหากไม่ทะเลาะก็คงจะใช้ความเงียบเข้ามาควบคุมสถานการณ์ ซึ่งการเงียบก่อนก็เป็นสิ่งที่ดี
เพราะจะทำให้แต่ละคนสงบสติอารมณ์และใจเย็นมากขึ้นแต่การเงียบตลอดก็มีผลเสียเหมือนกัน เพราะปัญหาหรือความเข้าใจผิดนั้นจะไม่ถูกแก้ไข
แต่กลับกลายเป็นการซุกปัญหาไว้ใต้พรม ดังนั้นจริงๆ แล้วเมื่อคนเราไม่เข้าใจกันก็ควรที่จะหันหน้าคุยกันมากกว่าเงียบใส่กัน แต่ว่าต้องเลือกใช้คำพูด
ที่คิดถึงใจอีกฝ่ายให้มากๆ อย่ าให้อารมณ์มาอยู่เหนือเหตุผล และการประชดประชันไม่ใช่คำพูดที่ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นเลยสักนิด
:: คิดว่าเรื่องของคนในครอบครัวไม่สำคัญ ::
การเอาใจใส่กันคือเรื่องสำคัญมากๆ ในการดูแลความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวทั้งพ่อแม่และลูก อย่ ามองว่าปัญหาของคนในครอบครัว
คือเรื่องของใครของมันจริงอยู่ว่าเราคงไม่สามารถแก้ปัญหาให้กับทุกคนได้ แต่ก็ไม่ควรให้คนที่เรารักเผชิญหน้ากับปัญหาคนเดียว
ควรให้กำลังใจและถามไถ่ความเป็นไปของแต่ละคนในครอบครัว แต่ก็ไม่ควรมากเกินไปจนเหมือนกลายเป็นการจับผิดกัน