1 : พูดกลับไปกลับมา
พวกที่ชอบโกหกจะชอ บพูดกลับไปกลับมาค่ะเล่นเอาเรารู้สึกงงๆและคล้อยตามไปในที่สุด ถ้าเจอคนพูดกลับไปกลับมา
แบบนี้บ่อ ยๆให้เดาเลยว่าคนนั้นอาจจะโกหกหรือแต่งเรื่องอะไรบางอย่ างขึ้นมา เพราะคนพวกนี้พอโกหกแล้ว
รู้สึกว่า ไม่เป็นที่พึงพอใจก็จะกลับไปแก้ใหม่ให้เนียนด้วยวิธีนี้
2 : พูดเร็วจนฟังไม่ทัน
ถ้าโดยสัญชาตญาณของคนโกหกเขามักจะพูดช้าๆแบบแปลกๆค่ะจังหวะการพูดจะไม่ลื่นไหลเหมือนคนทั่วไป อาจเป็นเพราะว่า
ต้องใช้เวลานึกเรื่องแต่งขึ้นไปด้วยพูดไปด้วยแต่ขอบอกว่าข้อสังเกตในข้อนี้ อาจใช้ไม่ได้กับนักโกหกมืออาชีพที่มีการเตรียมตัว
มาอย่ างดีก็มักจะมีความเร็วไฟแลบ หรือบางทีก็มีศิลปะ ในการพูดโน้มน้าวจนเราหลงเชื่อได้ง่ายๆเลยล่ะ
3 : หลงๆ ลืมๆ ในสิ่งที่ กำลังพูด
นักโกหกจะจำอะไรไม่ค่อยแม่นค่ะสังเกตได้จากเวลาสนทนากันอยู่ เขาจะหลงๆ ลืมๆ แบบ “เอ๊ะ! เรื่องนั้นมันเกิดอะไรกันแน่นะ
ขอคิดก่อนแปปนึงนะ” จะมีอาการไม่แน่ใจในสิ่งที่พูดออกมาที่บอกว่าคนโกหกมักเป็นแบบนี้ก็ เพราะว่า ลองคิดในทางกลับกัน
หากเป็นคนพูดจริงเขาจะสามารถจำทุกอย่ างได้ดีกว่าเพราะเป็นเรื่องจริงที่ประสบมา
คนเรามักจะไม่หลงลืมกับสิ่งที่ไปเจอ มากับตัวจริงๆหรอกว่าไหมคะ
4 : จะแกล้งพูดเฉไฉด้วยการโทษคนอื่น
พอรู้ตัวว่าจะจับได้หรืออาจจะยังจับไม่ได้แต่อ ย ากสร้างความน่าเชื่อถือคนพวกนี้จะมีการพูด
ตำหนิคนอื่นว่าไม่ดียังงั้น ยังงี้เพื่อกลบเกลื่อนด้านลบของตัวเองนั่นเอง
5 : ใช้เวลาคิดนานผิดปกติ
หากเรื่องร าวที่พูดถึงไม่ใช่เรื่องที่ผ่านมานานแต่เขากลับเหมือนต้องใช้เวลาคิดก่อนจะพูดก็
ให้เดาไว้เลยว่าเขา อาจจะโกหกเราหรือกำลังแต่งเรื่องอะไรบางอย่ างอยู่ ในหัวแล้วค่อยพูดออกมา
6 : เรื่องราวมันดูไม่สมเหตุสมผลเอาซะ เลย
มันอาจจะมีเทคนิคจับคนโกหกมากมายแต่โลกสมัยนี้เ ริ่มอยู่ย ากค่ะเพราะพอมีข้อมูลจับคนโกหกออกมา
คนที่โกหกก็ดันม าเรียนรู้ไปกับเราด้วยและพย าย ามจะไม่ทำสิ่งนั้นเพื่อจะได้ไม่ถูกจับได้ แต่สิ่งที่ช่วยเราแยกแยะได้ว่า
อะไรจริงอะไรโกหกก็เรื่องตรรกะและสติของเร าเนี่ยแหละค่ะเวลาใครพูดอะไรก็ให้ใช้สติในการฟัง คิดตามระบบตรรกะ
ความเป็นเหตุเป็นผลถ้ามัน ดูไม่ตรงตามสิ่งที่ควรจะเป็นเหนือเหตุผลปกติที่ควรจะเ ป็น ก็ให้ระวังเอาไว้ให้ดี
7 : พูดสั้นๆและคลุมเครือ
ก็เพรา ะว่าเรื่องโกหกมันเป็นเรื่องที่ต้องสร้างเติมแต่งเอาน่ะสิคะถ้าไม่ใช่คนมีความ สามารถในการแต่งเรื่องยาวๆ
ก็เป็นเรื่องย ากที่เขาจะพูดอะไรย าวๆออกมาในเสี้ยววินาทีนั้นและเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์กลับมาพูดอีกทีแล้ว
ไม่เหมือนเดิม คนพวกนี้ก็จะอาศัยพูดสั้นๆไว้ก่อน
8 : มีความกระวนกระวายลุกลี้ลุกลนหรือไม่ก็ ร้อนตัวไปก่อน
คนที่โกหกจะมีอาการทางกายที่สังเกตได้คือจะมีความกระวนก ระวายอยู่ไม่สุขหรือร้อนตัวพูดในสิ่งที่เรา
ยังไม่ทันได้ถามแต่เป็นประเด็ นที่กำลังสงสัยโดยปกติแล้วคนที่พูดความจริงมักจะมีท่าทางที่สบายๆ รีแล็กซ์
แต่อาจจะมี สีหน้าที่ ไม่แฮปปี้บ้าง (เพราะบางเรื่องราวที่เกิดขึ้นก็ไม่ใช่สิ่งที่สวยงาม เสมอไป)
แต่อย่ างน้อยมันต้องไม่ดูก ระวนกระวายไม่เป็นสุขจนเกินไป
9 : คนโกหกมักจะละเลยรายละเอียด
เรามักจะคิดใช่ไหมคะว่าพวกนักโกหกจ อมต้มตุ๋นน่าจะเป็นผู้มีศิลปะการพูด มีคำประดิดประดอย และรายละเอียด
ที่แต่งขึ้นมาเยอะ แต่เอาจริงๆแล้วคนที่โกหกมักจะละเลยรายละเอียดพวกนั้น เพราะเขาเองก็กลัวว่า พอกลับมาเล่าอีกที
จะเก็บรายละเอียดได้ไม่เหมือนเดิม ก็เลยจะพูดสั้นๆง่ายๆไว้ก่อน ฝ่ายตรงข้ามจะได้จับไม่ได้ว่า “อ้าวไม่เห็นเหมือนที่พูดไว้นี่น่า”
นี่ก็คือวิธีพื้นฐาน..สำหรับการจับคนโกหกค่ะแต่แค่ทริคพวกนี้ก็ไม่พอหรอกนะคะวิธีที่ดีที่สุดคือ อย่ าเพิ่งหลง
เชื่ออะไรง่ายๆ ฟังมาแล้วมาปรึกษา คนรอบข้างและ ค้นหาข้อมูลให้ดีก่อนที่จะหลงเชื่อ เพราะบางทีความจริง
เราก็ไม่เชื่อกันแต่สิ่งที่เราเชื่อ บางทีก็เป็นเรื่องโกหก