โลกของเราเปลี่ยนไปในทุกๆวัน แต่ละปี ก็มักจะมีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้น ส่งผลต่อคนทำงาน และหลายคนก็ตกงาน
ฉะนั้นเราต้องรู้จักรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น เราควรปรับเปลี่ยนความคิดตัวเองให้พร้อมอยู่เสมอ
มีคนเคยพูดไว้ว่าอีก 10 ปี ข้างหน้างาน 50% จะถูกแทนที่ด้วย AI ง่าย ๆ คือหลายคนอาจจะตกงาน การพัฒนา
ของสังคมสมัยนี้เกิดขึ้นเร็วกว่าที่เราจินตนาการไว้มากบางครั้ง อาจจะไม่ถึง 10 ปีเลยด้วยซ้ำ และใครที่ไม่สามารถ
เพิ่มมูลค่าให้กับความสามารถของตนเองได้ต่อไปก็จะถูกแทนที่โดยง่าย ถูกบังคับให้ล่มสลายไปตามเวลา
ดังนั้นอย่ามัวเสียเวลากันอยู่เลย เรามาดูกันว่าคนแบบไหนที่มีแนวโน้มลำบาก และอยู่ย ากในอนาคตมากที่สุด
1 : คนที่ตอบสนองต่อสิ่งใหม่ๆ ได้ช้ากว่าใคร
เมื่อ 2 ปี ก่อน นโยบาย ลูกคนที่ 2 ถูกประกาศออกมาและคนที่ตอบสนอง อย่างรวดเร็ว คว้าโอกาส
ในการทำธุรกิจไว้ลงทุนในกิจการที่เกี่ยวกับแม่ และลูกจนเจริญรุ่งเรือง เมื่อปี 2011 W e C h a t ถูกเปิดตัว
หลายๆ คน กำลังเรียนรู้ว่าใช้ มันอย่างไร คนที่มีเซนส์ได้ค้นพบประโยชน์ของแพลทฟอร์มเหล่านี้
และเปิดแอคเค้าท์สาธารณะของตนเองเป็นที่เรียบร้อย แอคเค้าท์ที่ขึ้นต้นด้วย V ก็คือแอคเค้าท์ ที่เริ่มเมื่อสมัยนั้น
หลายคนพูดว่าปลาเล็กกินปลาใหญ่ ตอนนี้ต้องเปลี่ยนว่า “ปลาเร็วกินปลาช้า” สิ่งใหม่ที่มีขึ้นมา มันมักมาพร้อม
กับโอกาสเสมอ เมื่อโอกาสผ่านไป คนที่ช้าคงไม่มีทางได้สัมผัสรับรู้ ดังนั้น จงค้นหาและแก้ไขข้อบกพร่อง
ของตัวเองให้ทันท่วงที เพื่อที่จะพัฒนาตัวเองต่อไปในทิศทางที่ดีกว่าเดิมไม่เช่นนั้น คุณจะถูกคนอื่นๆทิ้งไว้ข้างหลัง
2 : คนที่มองอะไรสั้นๆ แค่สิ่งที่อยู่ตรงหน้า
เมื่อเรียนจบ LiTing กับ TanSisi เข้าไปฝึกงานที่บริษัทบัญชีแห่งหนึ่ง เมื่อหมดระยะฝึกงาน บริษัท
ได้เสนอให้ไปศึกษางานที่สำนักงานใหญ่ในฮ่องกง 2 ปี แต่ได้เงิ นเดือนเพียงครึ่งเดียว และไม่มีค่าคอมมิชชั่น
LiTing รู้สึกว่าเงินเดือนน้อยอีกอย่างตนไม่คุ้นเคยกับฮ่องกง จึงไม่สนใจ ส่วนTanSisiตัดสินใจเลือกไปฮ่องกง
เพื่อศึกษางาน แถมยังได้เ งินเดือน ช่างเป็นโอกาสที่คุ้มค่า นี่คือความคิดของเธอ เวลาผ่านไป 2 ปี TanSisi กลับมา
ที่บริษัทในฐานะหัวหน้าโครงการ รายได้ 1 ล้านบาทต่อปีส่วน LiTing น่ะ เหรอ ยังคงทำงานในตำแหน่งเดิม
เงินเดือนไม่ถึง 1 ใน 3 ของTanSisi ด้วยซ้ำ ดังนั้นถ้าอย ากประสบความสำเร็จ ต้องรู้จักมองการณ์ไกล
3 : คนที่ไม่เข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนในตัวเอง
เมื่อโทรกลับบ้าน แม่มักจะเตือนว่า “อย่าใช้เงิ นเปลือง”แต่หากฉันประหยัด 1 ปีเก็บเงิ นได้ 1 แสน
10ปีเก็บได้ 1 ล้านเนี่ย คือเก่งเหรอ? ในขณะที่ฉันใช้เวลา 10 ปี เก็บเงินได้ 1 ล้าน คนอื่นอาจจะใช้เวลา
เพียงแค่ปีเดียว ดังนั้นตอนที่คุณยังเยาว์วัย คุณต้องรู้จักลงทุนกับตัวเอง เงินไร้ชีวิต แต่คนมีชีวิต
หากทุกเดือนคุณเอาเงินส่วนหนึ่งมาลงทุนกับตัวเอง ไปเรียน ไปเที่ยว ออกกำลังกาย ทำให้คุณค่าของตัวเอง
เพิ่มขึ้น เมื่อเวลาผ่านไปหลายปี คุณจะพบว่าเงินที่คุณใช้ไปกับการพัฒนาตัวเองจะได้คืนกลับมาหลายเท่าเลยล่ะ
4 : คนที่ทำงานร่วมกับคนอื่นไม่เป็น
บริษัทต่างชาติ มอบเ งินจำนวน 160 บาทให้แก่ผู้ที่มาสมัครงานกลุ่มหนึ่ง เพื่อให้พวกเขาไปหาอะไรกินด้วยกัน
พอไปถึงร้านอาหาร กลับพบว่าเงิ นที่พวกเขาได้มามันไม่พอ เพราะพวกเขามีกัน 6 คน แต่อาหารหนึ่งจาน
ราคาอย่างต่ำก็ 40 บาท จึงเดินกลับไปที่บริษัทอย่างหัวเสีย เมื่อถึงบริษัทประธานรู้เข้าก็ได้พูดว่า
“ขอโทษด้วยพวกคุณไม่เหมาะกับบริษัทเรา” ร้านอาหารนั้นหากสั่งข้าวเปล่า 6 จานจะเป็นเงิ น 60 บาท
เหลือเ งิน อีก 100 บาทสามารถสั่งเป็นกับข้าวมากินด้วยกันได้ ถึง 2 อย่าง แต่ว่าผู้สมัครทั้ง 6 คน กลับคิดว่าตัวเอง
ไม่ได้มาด้วยกัน ไม่เป็นทีมเดียวกัน ทุกคนต่างคิดถึงแต่ตัวเอง แต่ละคนก็เหมือนอิฐก้อนหนึ่ง โยนลงไปบนถนน
ก็ง่ายที่จะถูกเตะไปมา แต่หากคุณเอาอิฐหลายๆก้อนมาก่อเป็นผนัง ก็จะมั่นคงแข็งแรงยิ่งกว่า
5 : คนที่นอกเหนือจาก 8 ชั่ วโมงแล้วไม่เรียนรู้อะไรเลย
มีเพื่อนคนนึงทำการค้าระหว่างประเทศ ทำงานปีแรกมีลูกค้าชาวสเปนเยอะมาก เขาจึงเริ่มเรียนภาษาสเปนทุกวัน
หลังเลิกงานวันละ 2 ชั่ วโมง ผ่านไป 3 ปี จากความสามารถด้านภาษา เพื่อนคนนี้เลยมีโอกาสไปร่วมงานนิทรรศการ
การค้าต่างประเทศ แล้วสิ่งที่ได้กลับมาคือ ลูกค้ารายใหญ่ หลายรายธุรกิจขย ายตัวอย่างรวดเร็ว ย่างเข้าปีที่ 7
ก็ได้เปิดบริษัทของตัวเอง สิ่งที่เขาไม่เคยหยุดทำก็คือ ใช้เวลานอกเหนือจาก 8 ชั่ วโมง เพื่อการเรียนรู้ ยุคสมัยนี้
เป็นยุคแห่งการเรียนรู้ ไม่ว่าใคร ก็จำเป็นต้องเรียนรู้ไปตลอด หากปฏิเสธการเรียนรู้ จะทำให้เป็นคนไม่มีอนาคต