สงสัยกันบ้างไหม..? ว่าเดี๋ยวนี้ทำไมคนเรามักตัดสินปัญหาความรักด้วยความรุนแร งความรักเป็นความสุขหรือความทุกข์ขึ้นอยู่กับว่า
เราคิดหรือมองความรักอย่ างไร เพื่อไม่ให้ความรักเป็นความทุกข์กลับมาทำลายตัวเราเองและคนรอบข้าง ความรักควรจะเป็นสิ่งที่ทำ
ให้ตัวเองและคนที่เรารักมีความสุขด้วยส่วนใหญ่ที่คนเรามีปัญหา อาจเพราะเรารักเขาแต่เขาไม่รักเราจึงไปทำให้เขาหรือตัวเรา
เป็นทุกข์ ซึ่งทางจิตวิทย ามองว่าความรักที่ดีต่อสุขภาพ หรือถูกสุขภาพจิตนั้นควรเริ่มจากการรู้จักรักตัวเองเสียก่อน
“หลายคนมักจะมองว่า การรักตัวเอง คือ การเห็นแก่ตัว หลงตัวเองไม่สนใจคนอื่น แท้จริงแล้วหากรู้จักรักตัวเองอย่ างพอเพียง
จะเห็นถึงคุณค่าของตัวเอง ความรู้สึกโหยหาความรักจากผู้อื่นก็จะมีอิทธิพลน้อยลง”อีกประเด็นที่มักพบเห็นอยู่บ่อยครั้งคือ
ส่วนใหญ่เข้าใจว่าความรักต้องเกาะติดอยู่ไม่ได้ถ้าขา ด อีกคน แล้วจะทำอย่ างไรนอกจากนี้หากมองในแง่ที่ว่า คนเราเมื่อรักกันได้
ก็ย่อมเบื่อหน่ายจืดจางได้เช่นกัน หรือกระทั่งย ามที่อีกฝ่ายจำเป็นต้องไปทำงาน ไปทำภารกิจส่วนตัวจนต้องห่างกัน
สักระยะ ถ้าอีกคนไม่สามารถอยู่คนเดียวได้เพราะหวังให้อีกคนเป็นผู้ให้ความสุขทั้งหมด ย่อมจะต้องทุกข์เป็นประจำ
แต่..ก่อนที่ทุกข์อันเกิดจากความรักจะรุมเร้าวันนี้เรามี 9 วิธี “..รักอย่ างไร ไม่เป็นทุกข์..” มาฝากกัน
1 : ความเกรงใจ เป็นองค์ประกอบสำคัญ ควรเอาใจเขามาใส่ใจเราเพราะคนใกล้ชิดสนิทกันมักคิดว่า
จะสามารถทำอะไรตามใจตัวได้แทบทุกเรื่องจนลืมนึกถึงความรู้สึกของอีกคนไป
2 : ลดความคาดหวัง แม้เราจะเป็นปุถุชนซึ่งคงตัดความคาดหวังไม่ได้แต่ถ้าเรายิ่งคาดหวังจากอีกฝ่ายน้อย
โอกาสที่เราจะสมหวังก็ยิ่งมากขึ้น
3 : ไม่ควรทำแต่สิ่งที่ตัวเองชอบ หรือสิ่งที่ตนคิดว่าดีให้คนอื่นเพียงอย่ างเดียวจะต้องมองถึงความต้องการของเขาด้วย
จะได้ไม่ต้องมาน้อยใจว่าเราอุตสาห์หวังดียอมเหน็ดเหนื่อยทำเพื่อเขา แต่เขากลับไม่เห็นคุณค่า
4 : ยอมรับความแตกต่าง ทั้งด้านสรีระและความคิดของผู้อื่นความคิดไม่ตรงกันนั้นถือเป็นเรื่องธรรมชาติหากฝ่ายหนึ่ง
ไม่พย าย ามทำให้อีกฝ่ายคิดเหมือนกันและพย าย ามเข้าใจว่าเหตุใดจึงคิดต่างกัน ปัญหาก็จะไม่เกิด หากเข้าใจและยอมรับได้แล้ว
เมื่อเห็นเขาทำตัวไม่ถูกใจไม่น่ารัก ขี้บ่น ใจร้อน เราก็จะปรับตัวให้เข้ากับเขาและมอบความรักให้ได้ง่ายขึ้น
5 : พูดจาชื่นชมในสิ่งดีของกันและกัน เป็นอีกหนึ่งวิธีมอบความรักที่ควรทำบางคนละเลยว่าอยู่ด้วยกันมานาน เรื่องดีเขา
คงรู้อยู่แล้วไม่ต้องชมจึงเอาแต่พูดถึงสิ่งไม่ดีหรืออย ากให้อีกฝ่ายเปลี่ยนแปลงเอาแต่บ่นโดยไม่เคยชม คนฟังก็ท้อใจเหมือนกัน
6 : รู้จักยอมรับความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ความรักจึงจะยืนย าวเพราะความเปลี่ยนแปลงเป็นธรรมดาของโลกเพลงโปรด ฟังซ้ำ
อาหารจานประจำ กินบ่อยก็เบื่อ ความรักที่เคยจี๋จ๋าหวานแหววอาจจืดจางลงแต่ยังคงความผูกพันและสัมพันธ์อันดี
7 : ควรมีความสุขได้ด้วยตัวเอง คนอื่นเป็นเพียงโบนัสที่เพิ่มเข้ามา
8 : ควรปรารถนาให้ผู้อื่นเกิดสุขด้วย ไม่ใช่คิดถึงแต่ความสุขของเราเช่น เมื่อคนที่เรารักไม่รักเราแต่เขามีความสุขของเขา
แม้เราจะเศร้าก็ยังคิดได้ว่าอย่ างน้อยก็ได้เห็นคนที่เรารักมีความสุข
9 : การแสดงออกของความรัก ถ้ารักแล้วไม่แสดงออกเลยอีกฝ่ายคงไม่รู้เพราะเขาไม่มีตาทิพย์แต่การแสดงความรู้สึก
แค่ไหนอย่ างไรคงต้องดูว่าเป็นสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการด้วย ส่วนความต้องการของเราก็ควรบอกตรงๆ ไม่ใช่คาดหวังให้คู่ของเรา
เป็นหมอดู คอยเดาใจ และถ้าจะรักให้ดีต่อสุขภาพจิตทุกคนควรคิดให้ความรักเป็นดอกไม้สวยงามเป็นของหวานสำหรับชีวิต
อย่ ายึดติดว่าเป็นทุกสิ่งทุกอย่ าง อย่ าคิดว่า “รัก” เป็นข้าวปลาอาหารหรืออากาศที่ขา ดไม่ได้ “อย ากให้คนที่มีทุกข์เพราะรักคิดด้วยว่า
ก่อนที่จะมาเจอคนรักยังมีพ่อแม่พี่น้องเพื่อนพ้องและคนอื่นอีกมากมายที่เรารักและรักเราอย่ าให้คนเพียงคนเดียวเป็นทุกสิ่งทุกอย่ าง
การจะรักใคร ควรรักอย่ างมีสติ ไม่ทุ่มเทจนหมดตัว และควรเผื่อใจให้กับตัวเองครอบครัว และเพื่อน…